https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/issue/feed วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ 2025-01-01T00:00:00+07:00 Asst.Prof. Kampanat Kusirirat Ph.D. advscij@bsru.ac.th Open Journal Systems <p><em> วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นสื่อในการเผยแพร่ความรู้ และผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพในด้านวิทยาศาสตร์ทางด้านคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ชีวเคมี จุลชีววิทยา วิทยาศาสตร์ประยุกต์ทางด้านเกษตร เทคโนโลยีการเกษตร วิทยาศาสตร์การอาหาร วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีวัสดุและผลิตภัณฑ์ วิทยาศาสตร์สุขภาพทางด้านเทคนิคการแพทย์ แพทย์แผนไทย สาธารณสุข อาชีวอนามัยและความปลอดภัย วิทยาศาสตร์การแพทย์ ชีววิทยาการแพทย์ วิทยาการสุขภาพและความงาม คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีพลังงาน เทคโนโลยีอุตสาหการ เทคโนโลยีการผลิต และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ กลุ่มเป้าหมาย คือ คณาจารย์ นักศึกษา และนักวิจัยทั้งในและนอกสถาบัน โดยรับบทความวิจัย (Research Article) บทความวิชาการ (Academic Article) ที่จะต้องไม่เคยนำไปเผยแพร่ในวารสารฉบับอื่นมาก่อน และต้องไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อลงในวารสารอื่น ๆ บทความทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญอย่างน้อย 3 ท่าน บทความผู้นิพนธ์ภายนอกได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายในและภายนอกที่ไม่ได้สังกัดเดียวกับผู้นิพนธ์ ส่วนบทความผู้นิพนธ์ภายในได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสาร แบบผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่งไม่ทราบชื่อกันและกัน (double-blind review) กำหนดการเผยแพร่ตีพิมพ์ 2 ฉบับต่อปี คือ ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย</em></p> https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/1032 ปก/ปกใน/บรรณาธิการแถลง/สารบัญ 2024-12-31T16:59:45+07:00 บรรณาธิการ advscij@bsru.ac.th <p> วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ (Advanced Science Journal) เป็นวารสารของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้เปิดรับบทความวิชาการและบทความวิจัยตีพิมพ์เผยแพร่มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 25 โดยผ่านการรับรองคุณภาพจากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย หรือ TCI (จนถึง 31 ธันวาคม 2567) และอยู่ในฐานข้อมูล TCI กลุ่มที่ 2 (ผลประเมินคุณภาพวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูล TCI รอบที่ 4 พ.ศ. 2563 – 2567)</p> <p> ฉบับนี้เป็นปีที่ 25 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมกราคม – มิถุนายน 2568 เพื่อรวบรวมเผยแพร่ผลงานวิจัยและผลงานวิชาการ ของบุคลากรทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ในฉบับนี้มีบทความวิจัย 12 เรื่อง และบทความวิชาการ 1 เรื่อง ที่มีเนื้อหาทางวิชาการที่หลากหลายและครอบคลุมศาสตร์หลาย<em>ด้านคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ชีวเคมี จุลชีววิทยา</em><em> วิทยาศาสตร์ประยุกต์ทางด้านเกษตร เทคโนโลยีการเกษตร วิทยาศาสตร์การอาหาร วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีวัสดุและผลิตภัณฑ์ วิทยาศาสตร์สุขภาพทางด้านเทคนิคการแพทย์ แพทย์แผนไทย สาธารณสุข อาชีวอนามัยและความปลอดภัย วิทยาศาสตร์การแพทย์ ชีววิทยาการแพทย์ วิทยาการสุขภาพและความงาม คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีพลังงาน เทคโนโลยีอุตสาหการ เทคโนโลยีการผลิต และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง</em> ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับศาสตร์ที่เกี่ยวข้องได้</p> <p> ในนามของกองบรรณาธิการใคร่ขอขอบพระคุณผู้นิพนธ์ทุกท่านที่ได้ให้ความสนใจส่งผลงานตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ ขอขอบพระคุณผู้ทรงคุณวุฒิที่ประเมินคุณภาพบทความ และขอขอบคุณกองบรรณาธิการทุกท่านที่ร่วมดำเนินการและพัฒนาคุณภาพวารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวารสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักวิจัย นักวิชาการ และผู้ที่สนใจทุกท่าน สุดท้ายนี้ขอเชิญชวนผู้สนใจทุกท่านส่งผลงานตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิชาการและบทความวิจัยลงวารสาร ท่านสามารถศึกษารายละเอียดได้จากเว็บไซต์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/770 ระเบียบการและกฎหมายในการขนส่งสินค้าอันตรายทางรถไฟ 2024-06-04T10:50:46+07:00 กิจจา จิตรภิรมย์ kj.pirom@yahoo.com บารมี พุทธา baramee.ploy@gmail.com สิรินาถ งามวงษ์ sirinatmint5946@gmail.com ปธานิน แสงอรุณ Pathanin.san@stou.ac.th <p> ในช่วง 5 ปีข้างหน้าจำนวนการขนส่งสินค้าอันตรายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การขนส่งสินค้าอันตรายจำนวนมากโดยทางรถไฟนี้จึงต้องมีการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ในการทบทวนเอกสารในครั้งนี้เป็นการทบทวนระเบียบการและกฎหมายสำหรับการขนส่งสินค้าอันตรายโดยทางรถไฟไทยและระหว่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยระเบียบการเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายระหว่างประเทศโดยทางรถไฟ (RID) อนุสัญญาว่าด้วยการขนส่งระหว่างประเทศโดยทางรถไฟ (COTIF) และพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายของไทย แม้มาตรการดังกล่าวนี้เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบ 1 ใน 3Es (มาตรการทางวิศวกรรม การให้ความรู้ และการบังคับใช้กฎหมาย) ซึ่งเป็นมาตรการการสร้างเสริมความปลอดภัยและการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในสิ่งแวดล้อมการทำงาน อย่างไรก็ตาม มาตรการทางกฎหมาย ข้อบังคับนี้เป็นปัจจัยช่วยส่งเสริมให้เกิดการผลักดันด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งความปลอดภัยในการขนส่งและการจัดการสารเคมีอันตรายซึ่งยังคงเป็นปัญหาที่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินอันมหาศาลในปัจจุบัน</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/731 การพัฒนากระถางจากเศษวัสดุเหลือใช้จากพืชน้ำมันสู่ผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี ด้วยโครงงานสะตีม บีซีจี 2024-06-01T16:50:56+07:00 สถาพร เรืองรุ่ง win.physics.1996@gmail.com นพรัตน์ เชื้อคำฮด win.physics.1996@gmail.com อลงกรณ์ ทรัพย์ศิริ win.physics.1996@gmail.com จิตติพัฒน์ แสงโสม win.physics.1996@gmail.com <p> การวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาอัตราส่วนระหว่างเศษวัสดุเหลือใช้จากพืชน้ำมัน และวัสดุประสานที่เหมาะสมในการขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์สำเร็จรูป 2) ศึกษาสมบัติทางกายภาพ” และ 3) ศึกษาความพึงพอใจต่อกระถางจากเศษวัสดุเหลือใช้จากพืชน้ำมัน ผลการศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์สำเร็จรูป สามารถขึ้นรูปได้ทั้ง 5 ชุดการทดลอง ผลการศึกษาสมบัติทางกายภาพโดยการทดสอบความแข็งแรง พบว่า ชุดการทดลองทั้งหมดไม่มีการเปลี่ยนรูป ชุดการทดลองที่ 5 มีการดูดซับน้ำ และการพองตัวดีที่สุด มีค่าเท่ากับร้อยละ 16.68 และ 8.06 ตามลำดับ และชุดการทดลองที่ 4 มีการดูดซับความร้อนน้อยที่สุด มีค่าเท่ากับร้อยละ 2.22 เมื่อพิจารณาภาพรวมพบว่า ชุดการทดลองที่ 5 อัตราส่วน เปลือกมะพร้าว: กากปาล์ม: ตัวประสาน (3 : 3 : 4) เหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นกระถางต้นไม้มากที่สุด เนื่องจากมีความแข็งแรง มีการดูดซับน้ำ การพองตัวดีที่สุด และมีการดูดซับความร้อนที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช และสามารถเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ใช้วัสดุอย่างคุ้มค่าเนื่องจากมีปริมาณตัวประสานน้อยที่สุด ดังผลการศึกษาความพึงพอใจต่อกระถางจากเศษวัสดุเหลือใช้จากพืชน้ำมันที่มีภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/753 การทดสอบฉนวนกันความร้อนสำหรับหม้อต้มน้ำไฟฟ้าด้วยวิธีไฟไนท์อิลิเมนท์ 2024-01-26T20:43:30+07:00 พีรวัจน์ มีสุข peerawat.me@bsru.ac.th พีรวัส อู่ทอง peerawat.outong0702@gmail.com อนันต์ เสถียรนุกูล nan33.vigo@hotmail.com <p> บทความนี้ได้นำเสนอการทดสอบฉนวนกันความร้อนสำหรับหม้อต้มน้ำไฟฟ้าด้วยวิธีไฟไนท์อิลิเมนท์ การจำลองผลการกระจายตัวของความร้อนในหม้อต้มน้ำไฟฟ้า กรณีไม่หุ้มฉนวน และหุ้มฉนวนแบบใยแก้ว โดยมีการทดสอบการทำงานของหม้อต้มน้ำไฟฟ้าแล้วเก็บข้อมูลการถ่ายเทความร้อนด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อน ผลการจำลองพบว่าการหุ้มฉนวน สามารถกันไม่ให้ความร้อนกระจายออกมาจากหม้อต้มน้ำไฟฟ้าได้ การทดสอบการทำงานของหม้อต้มน้ำไฟฟ้า เป็นการทดสอบการต้มน้ำจนน้ำเดือดและหม้อต้มตัดการทำงาน แล้วบันทึกค่าพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ เวลาที่หม้อต้มทำงานและวัดอุณหภูมิที่ผิวหม้อต้มน้ำไฟฟ้า ผลการทดสอบพบว่า การหุ้มฉนวนทำให้หม้อต้มน้ำไฟฟ้าประหยัดพลังงานได้ 0.01 หน่วย และหม้อน้ำใช้เวลาทำงานน้อยกว่าการไม่หุ้มฉนวน ซึ่งการผลการจำลองผลด้วยวิธีไฟไนท์อิลิเมนท์และการทดสอบไปในทิศทางเดียวกัน</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/740 การออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศกิจกรรมนักศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชัน กรณีศึกษาสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม 2024-02-26T21:14:46+07:00 ธนพล แย้มทุ่ง onbee@psru.ac.th อรอุมา พร้าโมต onbee@psru.ac.th <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศกิจกรรมนักศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชั่น ประเมินประสิทธิภาพของระบบ และความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบสารสนเทศกิจกรรมนักศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชัน โดยวิธีการดำเนินงานวิจัยแบ่งเป็น 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ศึกษาและทำความเข้าใจปัญหา 2) วิเคราะห์และออกแบบระบบ 3) พัฒนาระบบ 4) ทดสอบระบบโดยผู้เชี่ยวชาญ และ 5) ใช้งานระบบและประเมินความพึงพอใจ งานวิจัยนี้แบ่งเป็น 7 ส่วน ได้แก่ งานทะเบียนนักศึกษา งานทะเบียนอาจารย์ งานทะเบียนกิจกรรม งานเข้าร่วมกิจกรรม งานตรวจสอบการเข้าร่วมกิจกรรม งานสรุปข้อมูลสำหรับนักศึกษา และงานสรุปข้อมูลสำหรับอาจารย์ การประเมินประสิทธิภาพของระบบและความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบ ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลสถิติพื้นฐานได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน ให้ผลดังนี้ ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบ โดยอาจารย์และเจ้าหน้าที่ จำนวน 5 คน ระบบมีประสิทธิภาพอยู่ในระดับดี (𝑥̅ = 4.17, S.D. = 0.58) ผลการประเมินความพึงพอใจของระบบจากผู้ใช้งานจำนวน 40 คน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับดี (𝑥̅ = 4.09, S.D. = 0.61)</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/741 การคัดเลือกเชื้อราเอนโดไฟต์ในเขตป่าอนุรักษ์จังหวัดจันทบุรี ในการควบคุมเชื้อราสาเหตุโรคในทุเรียน 2024-04-18T15:11:02+07:00 ธิติ ทองคำงาม titi_th@rmutto.ac.th สุกฤตา อนุตระกูลชัย Sukritta_An@rmutto.ac.th <p> จากการเก็บตัวอย่างเชื้อราเอนโดไฟต์จากป่าอนุรักษ์จังหวัดจันทบุรี โดยเก็บตัวอย่างจากต้นกะทือ เปราะป่า จิกทะเล เล็บมือนาง เถาวัลย์แดง รางจืด และ เฟิร์นข้าหลวง สามารถแยกเชื้อราเอนโดไฟต์ได้จำนวน 16 ชนิด คือ เชื้อรา <em>Penicillium</em> sp., <em>Aspergillus</em> sp., <em>Colletotrichum</em> sp., <em>Pestalotia </em>sp., <em>Fusarium</em> sp. 01-02, <em>Curvularia </em>sp., <em>Bipolaris</em> sp., <em>Fusarium solani</em>, <em>Alternaria</em> sp., <em>Aspergillus niger</em>, <em>Nigrospora</em> sp., <em>Rhizoctonia </em>sp.,<em> Sclerotium</em> sp. 01-02 และ <em>Trichoderma</em> sp. จากนั้นแยกเชื้อราสาเหตุโรคผลเน่า ใบติด และโรคราสีชมพู ด้วยวิธี Tissue transplanting method พบเชื้อราจำนวน 3 ชนิด คือ <em>Fusarium solani</em> <em>Lasiodiplodia</em> sp. และ <em>Rhizoctonia solani</em> หลังจากนั้นทดสอบประสิทธิภาพของเชื้อราเอนโดไฟต์ พบว่าเชื้อราเอนโดไฟต์ทั้งหมด สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราสาเหตุโรคทั้ง 3 ชนิดได้ โดยเชื้อราเอนโดไฟต์ <em>Trichoderma </em>sp. ไอโซเลท CPB 5 สามารถควบคุมเชื้อราสาเหตุโรคทั้ง 3 ชนิดได้ดีที่สุด คือ เชื้อรา <em>F.</em> <em>solani</em>, <em>Lasiodiplodia </em>sp. และ <em>R. solani</em> โดยมีเปอร์เซ็นต์การยับยั้งเชื้อรา เท่ากับ 95.4, 96.6 และ 98.3 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ หลังจากนำเชื้อรา CPB 5 ไปจัดจำแนกในระดับโมเลกุลสามารถยืนยันว่าเป็นเชื้อรา <em>Trichoderma asperellum </em>ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการใช้เชื้อราเอนโดไฟต์ในเขตป่าอนุรักษ์จังหวัดจันทบุรีสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการผลิตทุเรียนในจังหวัดจันทบุรีได้</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/742 ประสิทธิผลของโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพตนเองในผู้สูงอายุ โรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ 2024-05-24T10:05:28+07:00 ณภัทร เตียววิไล napat.te@bsru.ac.th ฐมาพร เชี่ยวชาญ tamaporn.ch@bsru.ac.th เพ็ญวดี โรจน์เรืองนนท์ Pimwadee.ro@bsru.ac.th ณฐมน สืบซุย Nathamon.se@bsru.ac.th <p> การวิจัยกึ่งทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบการสร้างเสริมสุขภาพตนเองในผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล จังหวัด ศรีสะเกษ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุ จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ โปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพตนเอง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามการรับรู้เกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง และแบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติการทดสอบค่าที (<em>Paired</em> Samples <em>T</em>-<em>Test</em>)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ภายหลังการทดลองกลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้เกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงอยู่ในระดับมาก ( =3.89, S.D.=1.28) พฤติกรรมสุขภาพอยู่ในระดับมาก ( =3.95, S.D.=1.26) ระดับความดันโลหิตของผู้สูงอายุที่ควบคุมไม่ได้ ก่อนการเข้าร่วมโปรแกรมมีค่าเฉลี่ย Systolic เท่ากับ 154.51 มิลลิเมตรปรอท มีค่า Diastolic เท่ากับ 95.29 มิลลิเมตรปรอท และภายหลังการเข้าร่วมโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพ ค่าเฉลี่ย Systolic เท่ากับ135.14 มิลลิเมตรปรอท มีค่า Diastolic เท่ากับ 82.29 มิลลิเมตรปรอท ผลการเปรียบเทียบการรับรู้ พฤติกรรมสุขภาพและระดับความดันโลหิต ก่อนและหลังพบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 การวิจัยนี้มีข้อเสนอแนะคือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพนี้ไปใช้ในผู้สูงอายุที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ในพื้นที่อื่น</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/754 การพัฒนาแอปพลิเคชันแนะนำอาหารสำหรับผู้สูงอายุ 2024-04-14T19:04:54+07:00 ภามิน วงษ์สุววรณ parmin.w63@chandra.ac.th ศรีอุดร แซ่อึ้ง sriudonsung@gmail.com ธนทรรศน์ พลเดช Thor5905900@gmail.com กอบทอง ลาดคุ้ม kobthong.l@chandra.ac.th วรรณา วิโรจน์แดนไทย wanna.w@chandra.ac.th สัมพันธ์ แหล่งป่าหมุ้น sampan.l@chandra.ac.th เกียรติพงษ์ ยอดเยี่ยมแกร kiadtipo@chandra.ac.th <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันแนะนำอาหารสำหรับผู้สูงอายุบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ที่ผู้สูงอายุสามารถใช้เป็นเครื่องมือเพื่อดูแลสุขภาพได้ ผู้วิจัยใช้กรอบทฤษฎีวงจรการพัฒนาระบบในการดำเนินการ รวบรวมปัญหาและความ ต้องการจากผู้สูงอายุและผู้ดูแล จากแขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร ใช้การคัดเลือกแบบเจาะจง จำนวน 30 คน เครื่องมือการวิจัยได้แก่ 1) แอปพลิเคชันแนะนำอาหารสำหรับผู้สูงอายุ ที่พัฒนาขึ้นด้วยโปรแกรมแอนดรอยด์ สตูดิโอ และฐานข้อมูลเอสคิวแอลไลท์ 2) แบบประเมินประสิทธิภาพระบบ และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจผู้ใช้งาน ผลการประเมินประสิทธิภาพระบบ จากผู้เชี่ยวชาญ 3 คน พบว่าอยู่ในระดับมาก ( = 4.27, S.D. = 0.47) และผลการประเมินความพึงพอใจ จากกลุ่มผู้ใช้ระบบ ที่คัดเลือกแบบเจาะจง จำนวน 40 คน อยู่ในระดับมาก ( = 4.26, S.D. = 0.55) แอปพลิเคชันออกแบบการใช้งานทั้งในรูปแบบสัมผัส แบบกราฟิก และแบบเสียง ประกอบด้วยการแนะนำเมนูอาหารและประโยชน์ของอาหาร คำนวณแคลอรี คลิปวิดีโอสอนทำอาหาร แบบประเมินเกี่ยวกับความเสี่ยงโรคความจำเสื่อม อีกทั้งยังมีเกร็ดความรู้เรื่องการเลือกรับประทานอาหารและการดูแลรักษาสุขภาพ แอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นช่วยแนะนำอาหารที่มีประโยชน์ และใช้งานง่าย สามารถใช้เป็นเครื่องมือเพื่อดูแลสุขภาพผู้สูงอายุได้</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/793 ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับชุมชนตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี 2024-06-23T15:40:32+07:00 กฤษณะ จันทสิทธิ์ kritsana.c@rbru.ac.th คมสัน มุ่ยสี komsan.m@rbru.ac.th ศรายุทธ์ จิตรพัฒนากุล sarayut.c@rbru.ac.th <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดสร้างระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับชุมชนตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ซึ่งจะมีขนาด 90x160x130 เซนติเมตร แผงโซล่าเซลล์ทำมุมลาดเอียงที่ 15 องศา โดยจะต่อขนานกันจำนวน 4 แผง มีแรงดันไฟฟ้าที่ผลิตได้คือ 24-36 โวลท์ และมีกำลังไฟฟ้าสูงสุด 800 วัตต์ ทำงานร่วมกับปั๊มน้ำแบบจุ่มชนิด 24 โวลท์ กำลังไฟฟ้า 750 วัตต์ ผลการวิจัยพบว่าระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ สามารถเลือกโหมดการทำงานได้ 2 รูปแบบ แบบแรกคือการสูบน้ำจากแผงโซล่าเซลล์โดยตรง และแบบที่สองคือการสูบน้ำจากแบตเตอรี่ชนิด 24 โวลท์ ทำการทดสอบตั้งแต่เวลา 07.00 น.-17.00 น. โดยช่วงเวลาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือเวลา 11.00 น. ผลิตน้ำได้สูงสุด 27,000 ลิตรต่อชั่วโมง และผลิตกำลังไฟฟ้าได้เท่ากับ 781.15 วัตต์ ซึ่งช่วงเวลา 07.00 น. กับ 17.00 น. ประสิทธิภาพจะลดลงเหลือเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากค่าความเข้มแสงลดลง และค่าอุณหภูมิที่สะสมอยู่ในแผงตลอดทั้งวัน จะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของแผงโซล่าเซลล์ ในส่วนของระบบแบตเตอรี่จะผลิตน้ำได้สูงสุด 27,000 ลิตรต่อชั่วโมงเช่นกัน ซึ่งแผงโซล่าเซลล์จะชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มระบบได้เท่ากับ 2.25 ชั่วโมง และระบบแบตเตอรี่จะใช้งานกับโหลดได้ครั้งละไม่เกิน 2.40 ชั่วโมง อีกทั้งมีค่าระดับของคะแนนความพึงพอใจ ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีเท่ากับ 4.56 คะแนน</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/821 แนวทางการดูแลมารดาหลังคลอดที่บ้านด้วยการแพทย์แผนไทยของวิทยาลัยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก 2024-07-04T09:16:14+07:00 กรรณิกา นันตา kannikaa_17467@hotmail.com ธัญลักษณ์ ปู่คำสุข Iamtanya_2558@hotmail.com นิตยา นามวิเศษ nitt99.thaimed@gmail.com มะลิวัลย์ ปารีย์ paree443@gmail.com จินตนา นันต๊ะ jintana.nan@crru.ac.th <p> การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการดูแลมารดาหลังคลอดที่บ้านด้วยการแพทย์แผนไทยของวิทยาลัยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้วิธีการรวบรวมความรู้จากเอกสารตำราและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพมารดาหลังคลอดและวิธีการดูแลมารดาหลังคลอดด้วยการแพทย์แผนไทยและการสนทนากลุ่มกับอาจารย์แพทย์แผนไทยและแพทย์แผนไทย จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบบันทึกการศึกษาเชิงเอกสารและแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาสุขภาพของมารดาหลังคลอด ได้แก่ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย มดลูกไม่เข้าอู่ น้ำคาวปลาไหลน้อย ปวดคัดเต้านม น้ำนมไหลน้อย ปัญหาแผลฝีเย็บ ปัญหาผิวพรรณหมองคล้ำ หน้าท้องหย่อนยาน และปัญหาซึมเศร้าหลังคลอด สรุปแนวทางการดูแลมารดาหลังคลอดที่บ้านด้วยการแพทย์แผนไทย ได้ดังนี้ 1) การส่งเสริมให้มารดาพักผ่อน 2) การบริหารเลือดลมหลังคลอด 3) การกระตุ้นการไหลของน้ำนม 4) การกระชับหน้าท้องและส่งเสริมให้มดลูกเข้าอู่เร็ว 5) การดูแลแผลหลังการคลอดบุตร ทั้งนี้แพทย์แผนไทยต้องมีการประเมินภาวะสุขภาพและจัดรูปแบบการดูแลสุขภาพมารดาหลังคลอดให้เหมาะสมเป็นรายกรณีต่อไป</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/845 การประยุกต์ใช้เทคนิคเหมืองข้อมูลในการศึกษากฎความสัมพันธ์ของธุรกิจเส้นด้าย กรณีศึกษาบริษัทเส้นด้ายแห่งหนึ่ง 2024-06-12T09:59:42+07:00 รุ่งทิพย์ โคบาล rungtip.k@mail.rmutk.ac.th สุภษี ดวงใส supasee.d@mail.rmutk.ac.th จินตนา พลศรี jintana.p@mail.rmutk.ac.th ภัททิรา แก้วเกิด Phatthira.k@mail.rmutk.ac.th ณัฐรฐนนท์ กานต์รวีกุลธนา natratanon.k@rmutk.ac.th <p> การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อการประยุกต์ใช้กฎความสัมพันธ์ของธุรกิจเส้นด้าย กรณีศึกษาบริษัทเส้นด้ายแห่งหนึ่ง ตามขั้นตอนการดำเนินการวิจัยผ่านกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการค้นพบความรู้สำหรับเหมืองข้อมูลโดยนำชุดข้อมูลจากฐานข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558-2565 จำนวน 5,160 ชุด ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล ทำความสะอาดข้อมูล และแปลงรูปแบบของข้อมูล จากนั้นนำไปสร้างแบบจำลองโดยสร้างกฎความสัมพันธ์ของข้อมูลด้วยขั้นตอนวิธีของเอฟพี-กโรธ โดยใช้เครื่องมือ RapidMiner และพิจารณาผลการประเมินประสิทธิภาพกฎความสัมพันธ์ของข้อมูลตามค่าสนับสนุน และค่าความเชื่อมั่น ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า กฎความสัมพันธ์จำนวนทั้งสิ้น 4 กฎ มีประสิทธิภาพกฎเป็นไปตามเกณฑ์ทางสถิติ โดยมีค่าความเชื่อมั่นอยู่ที่ 0.644 - 0.695 และค่าสนับสนุนอยู่ที่ 0.243 – 0.397 เพื่อนำไปสู่แนวทางการดำเนินธุรกิจสำหรับเป็นแนวทางการวางแผนการผลิต หรือการส่งเสริมการตลาดที่มีความเหมาะสมและตรงตามพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อนำองค์กรไปสู่ธุรกิจอัจฉริยะเพื่อช่วยเสริมสร้างองค์กรสมัยใหม่ในอนาคต</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/859 การพัฒนาแอปพลิเคชันบริหารจัดการการเลี้ยงปลากะพง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา 2024-05-29T11:01:53+07:00 ชัชฎาภรณ์ ตันตะราวงศา chatchadaporn.tan@rru.ac.th พันธ์ทิพย์ โอฬารรัตน์มณี phanthip.ola@rru.ac.th <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแอปพลิเคชันบริหารจัดการการเลี้ยงปลากะพงในจังหวัดฉะเชิงเทรา และ 2) ประเมินประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ผู้เลี้ยงปลากะพงยักษ์ ตำบลบางเกลือ อำเภอบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 29 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย 1) แอปพลิเคชันบริหารจัดการการเลี้ยงปลากะพงพัฒนาด้วยภาษา Java จัดเก็บข้อมูลโดยใช้ Firestore และพัฒนาแผนที่ด้วย OpenStreetMap ตรวจสอบและปรับปรุงตามข้อเสนอแนะโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาและด้านคุณภาพสื่อ จำนวนด้านละ 3 ท่าน 2) แบบประเมินประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) แอปพลิเคชันบริหารจัดการการเลี้ยงปลากะพงตอบสนองความต้องการใช้งานของเกษตรกรได้ สามารถบันทึกข้อมูลบ่อเลี้ยงและพิกัดตำแหน่งที่เข้าถึงด้วย google map ได้ การลงบันทึกกิจกรรมและปัญหาการเลี้ยงปลาแต่ละบ่อ รายรับ-รายจ่าย สรุปและแสดงข้อมูลค่าใช้จ่ายในรูปแบบของกราฟที่เข้าใจได้ง่าย เป็นฐานข้อมูลเชิงสถิติเพื่อการตัดสินใจด้านการบริหารจัดการฟาร์มเบื้องต้น นอกจากนี้แอปพลิเคชันสามารถแสดงราคาปลากะพงของตลาดไทรายวัน และลงประกาศซื้อ-ขายระหว่างผู้ซื้อกับเกษตรกรได้ตลอดเวลา 2) ผลการประเมินประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน พบว่า ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจต่อการใช้งานแอปพลิเคชันในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.13, S.D. = 0.66)</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/923 การระบุประเภทเหรียญกษาปณ์สำหรับระบบรู้จำเหรียญกษาปณ์โดยใช้เครือข่ายใยประสาทคอนโวลูชันและการเรียนรู้แบบถ่ายโอน 2024-08-07T10:44:58+07:00 เติมยศ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา tomeyot@pnru.ac.th สิทธิพงศ์ พรอุดมทรัพย์ Sittiphong@pnru.ac.th <p> การเก็บสะสมเหรียญเป็นงานอดิเรกที่สามารถดึงดูดผู้คนด้วยเหตุผลหลายประการ ตั้งแต่ความอยากรู้อยากเห็นทางประวัติศาสตร์ โอกาสในการลงทุน ไปจนถึงความเพลิดเพลินและความพึงพอใจส่วนตัว นอกจากนี้ข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญประเภทต่างๆ ก็มีความสำคัญและจำเป็นสำหรับนักสะสมเหรียญกษาปณ์รุ่นใหม่ ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงนำเสนอการบูรณาการเทคนิคการเรียนรู้เชิงลึกผสมผสานกับการเรียนรู้แบบถ่ายโอนเพื่อการรู้จำเหรียญกษาปณ์ไทย โดยการใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึมการเรียนรู้เชิงลึกและการเรียนรู้แบบถ่ายโอนจึงทำให้งานวิจัยนี้จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบค้นหาข้อมูลเหรียญกษาปณ์จากภาพเหรียญสำหรับสกุลเงินไทย โดยประสิทธิภาพของวิธีการที่นำเสนอได้รับการประเมินและเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับโมเดลการเรียนรู้แบบถ่ายโอนแบบอื่นๆ และจากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าแบบจำลองฝึกล่วงหน้าที่ใช้วิธีการ MobileNet-v2 สามารถให้ค่า macro average f1-score สูงที่สุดที่ 100% ซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่าวิธีการที่นี้เหมาะสมกับระบบการรู้จำเหรียญกษาปณ์ของไทย</p> 2025-01-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์ https://li02.tci-thaijo.org/index.php/adscij/article/view/1028 ผลของแสงจากหลอดไฟ LED แบบ Strip ต่อการเจริญเติบโต และผลผลิตของผักสลัดในระบบไฮโดรโปนิกส์ 2024-12-19T20:21:49+07:00 จารุกิตติ์ ดิษสระ jarukitt.di@bsru.ac.th ศศินา สีบัวฮาม Kuanza2544@gmail.com ชุติมา กาบแก้ว chutee_ae@hotmail.com เพ็ญแข รุ่งเรือง penkhae.ru@bsru.ac.th <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของหลอดไฟ LED แบบ strip ทางการค้าต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของผักสลัดพันธุ์เรดโอ๊คและกรีนโอ๊คที่ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์ ณ ห้องควบคุมอุณหภูมิ 25±2 องศาเซลเซียส ได้รับแสงเป็นเวลา 16 ชั่วโมงต่อวัน เปรียบเทียบกับการปลูกในสภาพแปลง วางแผนการทดลองแบบ 5x2 Factorial in CRD ประกอบด้วย 2 ปัจจัย คือ 1 ชนิดของแสง 5 แบบ ได้แก่ 1) แสงอาทิตย์ (ควบคุม) 2) แสงจากหลอด LED สีขาว 3) แสงจากหลอด LED แบบ strip (สีแดง 3:น้ำเงิน 1) 4) แสงจากหลอด LED แบบ strip (สีแดง 4:น้ำเงิน 1) และ 5) แสงจากหลอด LED แบบ strip (สีแดง 5:น้ำเงิน 1) และ 2 ชนิดของผักสลัด ได้แก่ 1) ผักสลัดเรดโอ๊ค และ 2) ผักสลัดกรีนโอ๊ค เก็บเกี่ยวผลผลิตที่อายุ 35 วันหลังเพาะเมล็ด พบว่า การเจริญเติบโตของผักสลัดเรดโอ๊คและกรีนโอ๊คที่ปลูกภายใต้หลอดไฟ LED ให้จำนวนใบ ความสูงต้น ความกว้างทรงพุ่ม แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ (P<u>&lt;</u>0.01) เมื่อเปรียบเทียบกับการปลูกภายใต้แสงอาทิตย์ และผลผลิต พบว่า การปลูกด้วยแสงอาทิตย์ ให้น้ำหนักสดต้นรวมราก น้ำหนักสดต้น น้ำหนักสดราก ความยาวราก และน้ำหนักแห้งต้นและราก ดีกว่าการปลูกภายใต้หลอดไฟ LED สำหรับสัดส่วนของแสงสีแดงต่อแสงสีน้ำเงิน พบว่า อัตราส่วนแสงสีแดงต่อแสงสีน้ำเงิน (3:1) มีแนวโน้มให้การเจริญเติบโตและผลผลิตมากกว่าอัตราส่วนแสงสีแดงต่อแสงสีน้ำเงิน (4:1) และ (5:1) และหลอดไฟ LED ทั้ง 4 แบบ ยังไม่มีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการปลูกผักสลัดเรดโอ๊คและกรีนโอ๊คได้</p> 2025-01-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสารก้าวทันโลกวิทยาศาสตร์