ผลของการพัฒนารูปแบบการให้ความรู้โดยใช้หลัก KAP model แก่ผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช โรงพยาบาลส่องดาว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร

ผู้แต่ง

  • วลัยภรณ์ อุวะไร โรงพยาบาลส่องดาว จังหวัดสกลนคร

DOI:

https://doi.org/10.57260/stc.2025.1116

คำสำคัญ:

ผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช , KAP model , ความรู้, ทัศนคติ, การปฏิบัติในการดูแล

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed methods) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบระดับความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชของคนผู้ดูแลในครอบครัว และศึกษาผลของการพัฒนารูปแบบการให้ความรู้โดยใช้หลัก KAP model แก่ผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช โรงพยาบาลส่องดาว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ภายใต้แนวคิดกระบวนการคุณภาพอย่างต่อเนื่อง PDCA  กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช จำนวน 15 คน คัดเลือกโดยใช้วิธี การเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) และผู้พัฒนาระบบ 6 คน ในพื้นที่โรงพยาบาลส่องดาว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ Paired t-test
ผลการศึกษาพบว่า หลังเข้าร่วมโปรแกรมระดับความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของผู้ดูแลดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) โดย ระดับความรู้เพิ่มขึ้นจากระดับปานกลางไปสู่ระดับสูง ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 11.53 เป็น 17.80 (t = -22.07, p < 0.001) ระดับทัศนคติเปลี่ยนแปลงไปในเชิงบวก ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 2.85 เป็น 4.37 (t = -59.18, p < 0.001) ระดับการปฏิบัติในการดูแลดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 3.00 เป็น 4.59 (t = -67.13, p < 0.001) ผู้ดูแลมีความมั่นใจมากขึ้นในการดูแลผู้ป่วยสามารถให้กำลังใจ ช่วยเหลือทางสังคม และติดตามอาการของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ทัศนคติที่เป็นอคติต่อผู้ป่วยลดลง ผู้ดูแลมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นและสามารถส่งเสริมการอยู่ร่วมกันของผู้ป่วยในชุมชนได้ดีขึ้น  การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า KAP Model เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช โดยช่วยเพิ่มความรู้ ลดอคติ และปรับปรุงการปฏิบัติการดูแลในทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรมีการติดตามผลในระยะยาว เพื่อประเมินว่าผลลัพธ์ที่ได้สามารถคงอยู่ได้หรือไม่ รวมถึงการ พัฒนาแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมหรือเครือข่ายชุมชน เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยจิตเวชมีความยั่งยืนมากขึ้น

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2563). คู่มือการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรงสำหรับสถาบัน/โรงพยาบาล สังกัดกรมสุขภาพจิต. กรุงเทพฯ: บริษัท พรอสเพอรัสพลัส จํากัด. สืบค้นจาก https://mhso.dmh.go.th/fileupload/202010061612167390.pdf

กำทร ดานา. (2564). การพัฒนาบทบาทการดูแลผู้ป่วยจิตเวชของครอบครัวและภาคีเครือข่ายในชุมชน.วารสารวิชาการสาธารณสุข, 30(3), 406-414. สืบค้นจาก https://thaidj.org/index.php/JHS/article/view/10199

งานเวชระเบียน โรงพยาบาลส่องดาว. (2563-2565). รายงานสถิติผู้ป่วยประจำปี 2563-2565. สกลนคร. งานเวชระเบียน โรงพยาบาลส่องดาว.

รัศมี ชุดพิมาย. (2565). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังกลุ่มเสี่ยงในชุมชนด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย อําเภอลําปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9, 16(3), 851-867. สืบค้นจาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/RHPC9Journal/article/view/258728

สุเทพ พลอยพลายแก้ว, นิษฐา หรุ่นเกษม, อรนุชภาชื่น และ ศักดิ์ชาย เพ็ชรตรา. (2556). การพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพตนเองของชุมชนจังหวัดลพบุรี. วารสารพยาบาลทหารบก, 14(1), 61-70. สืบค้นจาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JRTAN/article/view/8725

สํานักส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต. (2567). คู่มือวิทยากรจัดกิจกรรมสร้างสุข 5 มิติ สําหรับผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: บริษัท บียอยด์พับลิสซิ่ง จำกัด.

ภัครินทร์ ชิดดี, สุจริต ทุมจันทร์, เพชรศรี สารรัตน์, อัชรา พิลาทอง, พิสมัย ทิพย์วารี และ ดาราพร สิงห์ทอง. (2563). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวช โรงพยาบาลอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 29(3), 489-496. สืบค้นจาก https://thaidj.org/index.php/JHS/article/view/9208

ลำเจียก กำธร, โสภิต สุวรรณเวลา และ เนาวรัตน์ สิงห์สนั่น. (2561). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทเรื้อรังที่บ้าน. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 15(3), 114-125. สืบค้นจาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MKHJ/article/view/196181

หทัยกาญจน์ เสียงเพราะ. (2564). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่กลับมารักษาซ้ำโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน. วารสารการแพทย์, 36(2), 413-426. สืบค้นจาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MJSSBH/article/view/252861

อมาวสี อัมพันศิริรัตน์ และ พิมพิมล วงศ์ไชยา. (2560). การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม : ลักษณะสำคัญ และการประยุกต์ใช้ในชุมชน. วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 36(6), 193-200. สืบค้นจาก https://hujmsu.msu.ac.th/pdfsplit.php?p=MTU5OTAxNDE3NC5wZGZ8MjAxLTIxMQ

Brown, J. S., & Duguid, P. (1998). Organizing Knowledge. California Management Review, 40(3), 90-111. Retrieved from https://cmr.berkeley.edu/1998/05/40-3-organizing-knowledge

Deming, W. E. (1986). Out of the crisis. Cambridge. MA: Center for Advanced Engineering Study, Massachusetts Institute of Technology. Retrieved from https://www.scirp.org/reference/referencespapers?referenceid=590925

World Health Organization. (2019). Mental health and psychosocial well-being. Retrieved from https://www.who.int/publications-detail/mental-health

Zhang, W., Wu, X., Li, M., Wang, G., Liu, Y., Zhang, X., & Zhang, L. (2024). Knowledge, attitudes, and practices among medical students toward depression management: a cross-sectional study in China. Frontiers in public health, 12, 1429943. https://doi.org/10.3389/fpubh.2024.1429943

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-09-01

รูปแบบการอ้างอิง

อุวะไร ว. . (2025). ผลของการพัฒนารูปแบบการให้ความรู้โดยใช้หลัก KAP model แก่ผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช โรงพยาบาลส่องดาว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่ชุมชน, 3(4), 35–46. https://doi.org/10.57260/stc.2025.1116

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย