การพัฒนากำลังคนเพื่อศักยภาพทรัพยากรการท่องเที่ยวสำหรับการพัฒนา และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวอำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช

ผู้แต่ง

  • สุรศักดิ์ ชูทอง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (ไสใหญ่) จังหวัดนครศรีธรรมราช 80110
  • วัฒนา ณ นคร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (ไสใหญ่) จังหวัดนครศรีธรรมราช 80110
  • สุวรรณษา ชูเชิด คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (ไสใหญ่) จังหวัดนครศรีธรรมราช 80110
  • จารีพร เพชรชิต คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (ไสใหญ่) จังหวัดนครศรีธรรมราช 80110

DOI:

https://doi.org/10.55164/jtai.v3i2.1252

คำสำคัญ:

การพัฒนากำลังคน, การประเมินศักยภาพ, ทรัพยากรการท่องเที่ยว, แหล่งท่องเที่ยว, การมีส่วนร่วม

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินศักยภาพทรัพยากรการท่องเที่ยว และพัฒนากำลังคนในการประเมินทรัพยากรการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม เพื่อออกแบบและพัฒนาเส้นทางและโปรแกรมสื่อความหมายการท่องเที่ยวที่สนับสนุนการฟื้นฟูและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยใช้วิธีวิจัยเชิงสำรวจ ผสมผสานข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนจำนวน 250 คน อบรมเชิงปฏิบัติการ 5 ครั้ง ผลการศึกษาพบว่า แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ เช่น ศิลาจารึกหุบเขาช่องคอย นบเขาเตริก จุดชมวิวสามตำบล และอื่นๆ ส่วนใหญ่มีศักยภาพอยู่ในระดับปานกลาง และสามารถพัฒนาให้มีความโดดเด่นได้ ทั้งในด้านคุณค่าและความดึงดูดใจ การบริหารจัดการ และโอกาสในการพัฒนา นอกจากนี้การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างทักษะในการประเมินศักยภาพการเลือก ใช้พรรณไม้ การตกแต่งภูมิทัศน์ การพัฒนาเส้นทางสื่อความหมาย และการดูแลรักษาภูมิทัศน์ ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.01) ทั้งนี้ได้มีการจัดทำเส้นทางและโปรแกรมการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม 2 โปรแกรมหลัก โดยอิงตามพิกัดสถานที่จริง และคำนวณระยะเวลาเดินทางและเยี่ยมชมอย่างเหมาะสม การวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า การพัฒนากำลังคนในท้องถิ่นเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และสามารถเป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่น ๆ ในการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เอกสารอ้างอิง

กัลยากรณ์ วานิชย์บัญชา. (2545). การวิเคราะห์สถิติ: สำหรับการวิจัย (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: ธีระฟิล์มและไซเท็กซ์.

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2564). รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศ. กรุงเทพฯ: กองวางแผน.

กรมการท่องเที่ยว. (2565). แนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยี GIS. กรุงเทพฯ: สำนักพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว.

ฉัตรศิริ ปิยะพิมลสิทธิ์. (2545). สถิติสำหรับการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพ.

ธันย์ชนก ปรีดารัตน์. (2565). การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการรับรู้คุณค่าของนักท่องเที่ยวต่อแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้. วารสารวิจัยการท่องเที่ยวไทย, 18(1), 55–72.

นงเยาว์ วัฒนสุขสันต์. (2563). การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนในพื้นที่เมืองรอง. วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต, 8(2), 77–90.

ศิริชัย พงษ์วิชัย. (2543). การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยทางสังคมศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สมศักดิ์ สุขวงศ์. (2563). การมีส่วนร่วมของชุมชนกับการจัดการทรัพยากรท้องถิ่น. วารสารวิจัยสังคม, 22(3), 41–58.

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช. (2561). สถิตินักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช.

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2564). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566–2570). กรุงเทพฯ: สศช.

สุทธา กิจไพศาล. (2563). การมีส่วนร่วมของชุมชนกับการจัดการแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. วารสารวิจัยสังคมและสิ่งแวดล้อม, 22(1), 45–60.

อัญชลี สุทธิมณี. (2562). แนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน. วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต, 7(3), 25–34.

Goodwin, H., & Santilli, R. (2009). Community-based tourism: A success? International Centre for Responsible Tourism. Retrieved from https://www.icrtourism.org

United Nations World Tourism Organization. (UNWTO) (2018). Tourism and the sustainable development goals Journey to 2030. UNWTO. https://doi.org/10.18111/9789284419401

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-11-19

รูปแบบการอ้างอิง

ชูทอง ส., ณ นคร ว. ., ชูเชิด ส. ., & เพชรชิต จ. (2025). การพัฒนากำลังคนเพื่อศักยภาพทรัพยากรการท่องเที่ยวสำหรับการพัฒนา และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวอำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร, 3(2). https://doi.org/10.55164/jtai.v3i2.1252

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย