การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยงเบาหวานของหน่วยบริการปฐมภูมิภายใต้การขับเคลื่อนของระบบสุขภาพอำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม

ผู้แต่ง

  • บุญศิริ จันทนะ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม

DOI:

https://doi.org/10.57260/stc.2025.1137

คำสำคัญ:

การส่งเสริมสุขภาพ , กลุ่มเสี่ยงเบาหวาน , หน่วยบริการปฐมภูมิ , ระบบสุขภาพอำเภอ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพัฒนา (Research and development: R&D) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยงเบาหวานของหน่วยบริการปฐมภูมิ ภายใต้การขับเคลื่อนของระบบสุขภาพอำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม โดยใช้แนวคิดกระบวนการวางแผนแบบมีส่วนร่วม AIC (Appreciation – Influence – Control) เป็นกรอบในการดำเนินการวิจัย กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข และประชาชนกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งสิ้น 38 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม และการสังเกตแบบมีโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยวิธีวิเคราะห์อุปนัย (Analytic induction) และสถิติเชิงพรรณนา
ผลการศึกษา พบว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นเพศหญิง ร้อยละ 63.16 และเพศชายร้อยละ 36.84 ช่วงอายุของผู้เข้าร่วมอยู่ระหว่าง 25–64 ปี โดยมีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 45.66 ปี และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 11.34 ปี ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเห็นความจำเป็นในการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพที่สอดคล้องกับบริบทชุมชน โดยเสนอให้มีการส่งเสริมกิจกรรม เช่น การออกกำลังกาย การใช้สื่อความรู้ การสนับสนุนอุปกรณ์ตรวจสุขภาพ และการมีส่วนร่วมของชุมชนในกระบวนการวางแผนและติดตามผล รูปแบบที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การรับรู้คุณค่า (Appreciation) เพื่อสร้างความตระหนักและระดมทุนทางสังคม 2) การมีอิทธิพลร่วมกัน (Influence) เพื่อวางแผนและออกแบบกิจกรรมอย่างมีส่วนร่วม และ 3) การควบคุมร่วมกัน (Control) เพื่อดำเนินกิจกรรมและประเมินผลร่วมกัน ซึ่งส่งผลให้ประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพดีขึ้น และเกิดกลไกการขับเคลื่อนสุขภาพในระดับชุมชนอย่างยั่งยืน การพัฒนารูปแบบดังกล่าวช่วยส่งเสริมให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเกิดพฤติกรรมสุขภาพที่ดีขึ้น และก่อให้เกิดกลไกขับเคลื่อนสุขภาพในระดับชุมชนที่ยั่งยืน ควรมีการสนับสนุนกลไกการมีส่วนร่วมของชุมชนและภาคีเครือข่ายในทุกระดับ เพื่อให้เกิดระบบสุขภาพปฐมภูมิที่มีประสิทธิภาพ

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

กรกนก ลัธธนันท์ และ จันทร์เพ็ญ นิลวัชรมณ. (2562). ความรอบรู้ด้านสุขภาพของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ, 35(1), 277-89. สืบค้นจาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/bcnbangkok/article/view/191028

กรฐณธัช ปัญญาใส, พิชามญชุ์ ภูเจริญ และ ณิชกมล เปียอยู่. (2560). การประเมินผลการสร้างเสริมสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี, 28(1), 51-62. สืบค้นจาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/pnc/article/view/117853

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2561). การประเมินและการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ. สืบค้นจาก http//www.hed.go.th

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2563). โครงการศึกษาและพัฒนาองค์ความรู้เรื่อง health literacy เพื่อสร้างเสริมภูมิปัญญาและการเรียนรู้ด้านสุขภาพสำหรับประชาชน ปีงบประมาณ 2563-2564. กรุงเทพฯ: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ.

กรรณิการ์ การีสรรพ์, พรทิพย์ มาลาธรรม และ นุชนาฏ สุทธิ. (2562). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมโรคความดันโลหิตสูงและพฤติกรรมการดูแล สุขภาพของผู้สูงอายุที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง. วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางการพยาบาล, 25(3), 280-295. สืบค้นจาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/RNJ/article/view/179176

ฉวีวรรณ ศรีดาวเรือง และ จิราพร วรวงศ์. (2565). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมสุขภาพ ตามหลัก 3อ. 2ส. ของผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 : วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, 16(2), 454-468. สืบค้นจาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/RHPC9Journal/article/view/256915

ทรรศนีย์ บุญมั่น. (2566). ปัจจัยความรอบรู้ด้านสุขภาพที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมสุขภาพ 3อ. 2ส. ของประชาชน อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอร์ทเทิร์น, 4(1), 137-152. สืบค้นจาก https://he03.tci-thaijo.org/index.php/scintc/article/view/1229

ภมร ดรุณ. (2562). ปัจจัยความรอบรู้ด้านสุขภาพที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนจังหวัดบึงกาฬ. วารสารวิชาการ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, 15(3), 71-82. สืบค้นจาก https://thaidj.org/index.php/jdhss/article/view/8219

รัชฎ์ณฉันทร์ เชื้อสุวรรณ์. (2566). พัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงในตำบลป่ามะคาบ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร. วารสารวิจัยและวิชาการสาธารณสุขจังหวัดพิจิตร, 4(1), 14–25. สืบค้นจาก https://online.pubhtml5.com/gvwr/irhe/

สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย, สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย, กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2560). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2560. (พิมพ์ครั้งที่ 3). ปทุมธานี: บริษัท ร่มเย็น มีเดีย จำกัด. สืบค้นจาก https://www.dmthai.org/new/index.php/sara-khwam-ru/bukhlakr-thangkar-phaethy/cpg/clinical-practice-2017

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพ. (2564). ยกระดับ อสม. เป็นนักจัดการสุขภาพชุมชน. สืบค้นจาก http://www.thaihealth.or.th

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม. (2567). ระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม. สืบค้นจาก https://hdc.moph.go.th/npm/public/main

อำพรทิพย์ อุดทาโท และ อนุกูล มะโนทน. (2566). การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตายสำเร็จตามวิถีชีวิตใหม่ ตำบลแม่ตีบ อำเภองาว จังหวัดลำปาง. วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน, 9(1), 69–83. สืบค้นจาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ajcph/article/view/258974

Ahmed, S. K. (2024). The pillars of trustworthiness in qualitative research. Journal of Medicine, Surgery, and Public Health, 2, 100051. Retrieved from https://doi.org/10.1016/j.glmedi.2024.100051

Korstjens, I., & Moser, A. (2017). Series: Practical guidance to qualitative research. Part 4: Trustworthiness and publishing. European Journal of General Practice, 24(1), 120–124. Retrieved from https://doi.org/10.1080/13814788.2017.1375092

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-09-01

รูปแบบการอ้างอิง

จันทนะ บ. . (2025). การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยงเบาหวานของหน่วยบริการปฐมภูมิภายใต้การขับเคลื่อนของระบบสุขภาพอำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่ชุมชน, 3(4), 47–61. https://doi.org/10.57260/stc.2025.1137

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย