ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ของกลุ่มแรงงานชาติพันธุ์อาข่า ในเขตอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
DOI:
https://doi.org/10.57260/stc.2025.1149คำสำคัญ:
ความรู้, ทัศนคติ, พฤติกรรมการป้องกันตนเองจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 , แรงงานชาติพันธุ์อาข่าบทคัดย่อ
ความรู้ ทัศนคติ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมในการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุเพื่อศึกษา ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการป้องกันตัวเอง และศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ของกลุ่มแรงงานชาติพันธุ์อาข่า ในเขตอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย วิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวาง ศึกษาเขตพื้นที่อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ทำการศึกษาในช่วง กุมภาพันธ์ 2567 ถึง พฤษภาคม 2567 ในกลุ่มแรงงานชาติพันธุ์อาข่า กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 360 คน ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และวิเคราะห์หาปัจจัย ที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยใช้สถิติ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน Pearson Product moment correlation ผลการศึกษา พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีความรู้เกี่ยวกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 53.30 ทัศนคติเกี่ยวกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อยู่ในระดับสูง ร้อยละ 50.60 พฤติกรรมการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในระดับปานกลาง ร้อยละ 44.40 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 พบว่า ความรู้เรื่องเกี่ยวกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีความสัมพันธ์ทางบวกอย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติ (r = 0.151, p < 0.004) และทัศนคติการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5 ความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = 0.400, p < 0.001) ผลการวิจัยครั้งนี้ ความรู้เกี่ยวกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และทัศนคติเกี่ยวกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ดังนั้นควรส่งเสริมให้ความรู้และทัศนคติในการป้องกันตัวเองที่เหมาะสมและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของกลุ่มแรงงานชาติพันธุ์อาข่า เพื่อให้เกิดการพัฒนาเชิงพื้นที่และเกิดผลในระยะยาวต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กมลชนก เกษโกมล และ อมรศักดิ์ โพธิ์อ่ำ. (2567). ความรู้ ทัศนคติที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของบุคลากรในสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอร์ทเทิร์น, 1(1), 1–12. สืบค้นจาก https://he03.tci-thaijo.org/index.php/scintc/article/view/1390
กรมควบคุมมลพิษ. (2566). รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2566. สืบค้นจาก https://www.pcd.go.th/ebook/book18/PCD%202024.html
กรมควบคุมมลพิษ. (2567). รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศปี 2566. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. สืบค้นจาก https://www.pcd.go.th/pcd_news/28748/
พงศธร กันยะมูล, กุลจิรา ชัยชนะ, บุษกร ต. ตระกุล, วีระศักดิ์ หมื่นมูลกาศ และ กรกช จันทร์เสรีวิทยา. (2563). การประเมินความรู้ และพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากฝุ่นละออง PM2.5 ของประชากรที่อาศัยอยู่ในตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย. การประชุมนำเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาครั้งที่ 15 ปีการศึกษา 2563 (น.2903–2913). มหาวิทยาลัยรังสิต. สืบค้นจาก https://rsujournals.rsu.ac.th/index.php/rgrc/article/download/1795/1388/
พัทธนันท์ วิวัฒนไพศาล. (2567). ความรู้ เจตคติ และพฤติกรรมการป้องกันฝุ่น PM2.5 ของประชาชนอายุ 18–60 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน, 10(2), 162–182. สืบค้นจาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ajcph/article/view/266561
เพชรผกา มูณีม บัว ฤดูบัว, สุริยพงศ์ กุลกีรติยุต, ศรัณยู คำกลาง, ปุณณ์ภวิศา ป้องพิมาย, จิตติมา จันทร์อุไร, สิทธิชัย สิงห์สุ และ วริยา เคนทวาย. (2567). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 ของประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกลางตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี. วารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม, 4(3), 16–24. สืบค้นจาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/J-PHIN/article/view/274124
ศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย. (2566). ค่าปริมาณฝุ่นละอองในเขตอำเภอแม่สรวย. สืบค้นจาก https://cro.moph.go.th/kpi/web/
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). (2566). กลุ่มชาติพันธุ์อาข่า. สืบค้นจาก https://www.sac.or.th/library/subject_guide/category/42?keyword=&order=&type=6
ศูนย์อนามัยกลุ่มชาติพันธุ์ชายขอบและแรงงานข้ามชาติ, กรมอนามัย. (2567). ระบบสารสนเทศสนับสนุนด้านการส่งเสริมสุขภาพ และอนามัยสิ่งแวดล้อม กลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง. สืบค้นจาก https://hhdc.anamai.moph.go.th/th/academic-work/
สุภางค์พิมพ์ รัตตสัมพันธ์, นิธินันท์ ศิรบารมีสิทธิ์ และ ชนินทร รัตตสัมพันธ์. (2565). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันการสัมผัสฝุ่น PM2.5 ของหญิงตั้งครรภ์ โรงพยาบาลปทุมธานี. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร, 42(3), 53–62. สืบค้นจาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/nur-psu/article/view/257743
หัทยา มาลัยเจริญ, ธานินทร์ สุธีประเสริฐ, ธนิฏฐา ทองนาค, & วัชรินทร์ โกมลมาลัย. (2565). ปัจจัยที่มความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) ของประชาชนตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี. วารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม, 2(3), 82–97. สืบค้นจาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/J-PHIN/article/view/255124
BBC NEWS ไทย. (2566). รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงราย. สืบค้นจาก https://www.bbc.com/thai/articles/cje5ljp0rrxo
World Health Organization. (2023). Air quality and health. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/ambient-(outdoor)-air-quality-and-health
Best, J. W. (1997). Research in education. (3rd ed.). Englewood Cliffs, NJ: Prentice Hall.
Bloom, B. S. (1986). Taxonomy of educational objectives. David McKay Company.
Daniel, W. W. (1995). Biostatistics: A foundation for analysis in the health sciences. Wiley & Sons.
Likert, R. (1967). The method of constructing an attitude scale. In Attitude theory and measurement. New York: Wiley & Sons.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่ชุมชน

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน “วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่ชุมชน” ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่ชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่ชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
2. เนื้อหาบทความที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ